วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555

merry christmas



วันคริสต์มาส (Merry Christmas)
25 ธันวาคม ของทุกปี


       ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลที่สำคัญเทศกาลหนึ่งของชาวคริสต์ เทศกาลสำคัญที่ว่านี้คือ เทศกาลคริสต์มาส ซึ่งเป็นเทศกาลฉลองการประสูติของพระคริสต์เทศกาลคริสต์มาสจะจัดขึ้นในวันที่ 24 และ 25 ธันวาคมของทุกปี ในบางประเทศคริสต์มาสอาจจะเริ่มก่อนหน้านั้นประมาณหนึ่งเดือน ช่วงเวลานี้เรียกว่า “แอดเวนท์” (มาจากภาษาลาติน แปลว่า “กำลังมา”) และจะสิ้นสุดลงในวันที่ 6 มกราคมซึ่งเป็นวันที่นักปราชญ์สามคนที่มาจากทิศตะวันออกนำของขวัญมามอบแก่พระกุมารเยชู ด้วยเหตุนี้ในคืนวันที่ 6 มกราคม จึงเป็นคืนแห่งการมอบของขวัญในหลาย ๆ แห่งของโลก
และเมื่อวันคริสต์มาสอันเป็นวัดสุดยอดของเทศกาลมาถึง การเฉลิมฉลองก็จะเริ่มขึ้น ในช่วงเทศกาลนี้บ้านเรือนจะถูกตกแต่งให้สดใสอบอุ่นด้วยต้นคริสต์มาสที่ประดับประดาเอาไว้อย่างสวยงาม ที่ใต้ต้นคริสต์มาสจะมีของขวัญวางเรียงไว้มากมาย ประตูบ้านและขอบเตาผิงจะถูกตกแต่งด้วยหรีดกิ่งสนและฮอลลีในเดนมาร์กมีการประดับกิ่งเบริร์ชด้วยผลแอปเปิ้ลสีแดงผลเล็ก ๆ และคนแคระตังจิ๋วที่เรียกว่า “พิสเชอร์” ในนอรเวและสวีเดนมีการทำสัตว์ตัวเล็ก ๆ จากฟางแล้วผูกด้วยริบบิ้นสีแดง
เมื่อพูดถึงอาหารในวันคริสต์มาสจะมีอาหารพิเศษมากมายทั้งไก่งวงที่แสนอร่อย เนื้ออบก้อนโตซอสแครนเบอร์รรี ขนมพาย พุดดิง เค้กและคุกกี้เป็นร้อย ๆชนิด ที่ฝรั่งเศษมีการทำเค้กพิเศษเป็นรูปขอนไม้รสชาติเข้มข้นที่เรียกว่า บุช เดอ โนแอล (ขอยไม้คริสต์มาส)และหลังจากอาหารค่ำที่แสนวิเศษผ่านไปนาทีอันน่าระทึกใจก็มาถึงนั่นก็คือการแกะของขวัญนั่นเอง คริสต์มาสเป็นเทศกาลแห่งความสุขที่มีเรื่องให้พูดถึงไม่รู้เบื่อ สำหรับใครก็ตามที่กำลังจะฉลองเทศกาลนี้ก็ขอให้มีความสุขมาก ๆ

                    ทุกวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี จะมีการฉลองรื่นเริงในหมู่คริสต์ศาสนิกชนทั่วโลก กิจกรรมในวันนี้มีแต่สิ่งที่น่ารื่นรมย์ไม่ว่าจะเป็นการกินเลี้ยง แลกของขวัญ แต่งบ้านด้วยต้นคริสต์มาส ร้องเพลงคริสต์มาส ไปจนถึงเอาถุงเท้าไปแขวนรอซันตาคลอสผู้อารีย์นำของขวัญมาใส่ไว้ให้
วันคริสต์มาสมีความสำคัญคือ เป็นวันประสูติของพระเยซู ศาสดาของศาสนาคริสต์ พระเยซูเป็นชาวยิว ประสูติในประเทศปาเลสไตน์ ซึ่งเดิมตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศใกล้เคียงมาเป็นเวลาช้านาน มีนักปราชญืชาวยิวหลายท่านพยากรณ์ว่า วันหนึ่งข้างหน้าจะมีพระบุตรของพระเจ้าเสด็จลงมาปลดแอกชาวยิวให้ได้รับอิสระภาพในที่สุดวันนั้นก็มาถึง เมื่อพระเยซูประสูติที่หมู่บ้านเบธเลเฮม แคว้นยูดา มารดาของพระองค์ชื่อมาเรีย (ซึ่งเรารู้จักในนามแม่พระ) บิดาชื่อโยเซฟมีอาชีพเป็นช่างไม้
พระเยซูทรงพระปรีชาสามารถมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์สามารถโต้ตอบกับพระชาวยิวในด้านศาสนาได้อย่างฉะฉาน ชีวิตในตอนต้นของพระองค์ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายทรงมีอาชีพเป็นช่างไม้ช่วยบิดา จนพระชนมายุราว 30 พรรษา จึงเสด็จออกประกาศคำสอนและทรงรักษาคนป่วยประเภทต่าง ๆเช่น คนตาบอด ง่อยเปลี้ย ให้กลับเป็นปกติดังเดิม
ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลกเช่นเดียวกับศาสนาอิสลามและศาสนาพุทธ
ต้นคริสต์มาส       ในสมัยโบราณ “ต้นคริสต์มาส” หมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบ ผลไม้มากิน และทำบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า (ปฐก.3:1-6) ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ชาวคริสต์แสดงละครที่ หน้าวัด ถึงความหมายของคริสต์มาส และเอาต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ตรงกลาง เพื่อประดับฉาก แสดงถึงบาปกำเนิดของอาดัมและเอวา ต้นไม้ที่ใช้เป็นต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ ที่หาง่ายที่สุด ในประเทศ เหล่านั้น การแสดงละครคริสต์มาสแบบนี้ มีมาเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปี จนถึงศตวรรษที่ 15 พระสังฆราชหลายแห่งได้ห้ามแสดง เนื่องจากการแสดงนั้น กลายเป็นการเล่นเหมือนลิเก ล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมือง และศาสนา ซึ่งไม่ตรงกับบรรยากาศของการฉลอง ชาวบ้านรู้สึกเสียดาย ที่ไม่มีโอกาส ดูละครสนุกๆ แบบนั้นอีก จึงไปสนุกกันที่บ้านของตน โดยเอาต้นไม้มาไว้ที่บ้าน หลังจากนั้น ก็เริ่มมีการแขวนลูกแอปเปิ้ล ขนมและของขวัญอย่างที่เห็นอยู่ ทุกวันนี้ …..นอกจากนั้น ชาวเยอรมันยังมีประเพณีอีกอย่างหนึ่งคือ มีการจุดเทียนหลายเล่มเป็นรูปปิรามิด ไว้ตลอดคืนคริสต์มาส โดยมีดาวของดาวิดที่ยอดปิรามิด ซึ่งประเพณีที่จะแขวนของขวัญและขนม ก็ได้รวมกับประเพณีของชาวเยอรมันนี้ มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โดยเอาเทียนมาไว้ที่ต้นไม้ เป็นรูปทรงปิรามิด นี่เป็นที่มาของประเพณีปัจจุบัน ที่มีการแขวนของขวัญ และไฟกระพริบไว้ที่ต้นคริสต์มาส และมีดาวของดาวิดไว้ที่สุดยอด ประเพณีนี้ เป็นที่นิยมชมชอบของชาวตะวันตกอยู่มาก แม้ว่าประเพณีการตั้งต้นคริสต์มาส มีความเป็นมาดังกล่าว ชาวคริสต์ในสมัยนี้ ก็ยังนิยมทำกันอยู่ เพราะเห็นว่า มีความหมายถึงพระเยซูเจ้า ผู้เปรียบเสมือนต้นไม้แห่งชีวิต? ที่เขียวสดเสมอในทุกฤดูกาล ซึ่งหมายถึง นิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า และนอกจากนั้นยังหมายถึง ความสว่างของพระองค์ เสมือนแสงเทียนที่ส่องในความมืด ทั้งยังหมายถึง ความชื่นชมยินดี และความสามัคคี ที่พระเยซูเจ้าประทานให้ เพราะต้นไม้นั้น เป็นจุดรวมของครอบครัวในเทศกาลนั้น

christmas

ซานตาคลอส
                          ซานตาคลอสที่เรารู้จักตคุ้นเคยและเห็นภาพดังที่พรรณนามาตั้งแต่ตอนต้น เพิ่งมีกำเนิดขึ้นมาเมื่อไม่เกิน 200 ปีนี้เอง กลุ่มชนที่สร้างเรื่องราวของวันซาคลอส จนกลายเป็นตำนานสำคัญส่วนหนึ่งของเทศกาลคริสต์มาส คือ ชาวอเมริกันเชื้อสายดัตช์รุ่นบุกเบิกนั่นเอง
ตำนานเล่าขานเกี่ยวกับซานตาคลอสเริ่มขึ้นในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 4 มีเด็กชายคนหนึ่งเกิดในหมู่บ้านไมรา ซึ่งสมัยก่อนโน้น ตั้งอยู่ระหว่างเกาะโรดส์กับไซปรัส แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นหมู่บ้านเดมรี มีบ้านเรือนตั้งเรียงรายบนสันทรายใกล้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
เด็กชายผู้เกิดในหมู่บ้านเล็ก ๆ มีชื่อว่า “นิโคลัส” ชีวิตของเขาอยู่บนกองเงินกองทองเพราะพ่อแม่มีฐานะร่ำรวย ไม่ช้าไม่นานพ่อแม่ก็ถึงแก่กรรม ทรัพย์สินจึงตกเป็นของเขาเพียงผู้เดียว แต่น่าแปลกที่นิโคลัสกลับมีใจโอบอ้อมอารีต่อคนยากคนจน ชอบแจกสมบัติช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากจนกลายเป็นขวัญใจของคนทุกเพศทุกวัย
ครั้งนั้นก้อยังมีครอบครัวของชายชราคนจนครอบครัวหนึ่ง กำลังมีปัญหาด้วยบุตรสาวทั้งสามต้องการแต่งงาน แต่ไม่มีเงินจัดพิธีให้สมเกียรติก่อนคนสุดท้อง ครอบครัวนี้จึงตกอยู่ในความทุกข์อย่างหนัก
แต่เมื่อนิโคลัสทราบข่าว จึงนำทองคำใส่ถุง 2 ถุง แอบย่องเข่าไปวางไว้ในบ้านของชายยากจนยามดึกสงัด ทำให้ 2 สาวได้จัดพิธีแต่งงานได้อย่างใหญ่โตสมความปรารถนา ต่อมาก็ถึงเวลาของบุตรสาวคนสุดท้องนิโคลัสก็นำถุงทองแอบมาหย่อนลงทางปล่องไฟในยามราตรี เหตุที่ต้องใช้ปล่องไฟเพราะคืนนั้นหน้าต่างปิดสนิท
จากพฤติกรรมของนิโคลัสเป็นต้นเหตุให้พ่อแม่เด็ก ๆ ในสมัยต่อมา แอบนำของขวัญวางไว้ที่เตียงนอนของลูก ๆ ในตอนกลางคืน แล้วบอกว่า ซันตาคลอสนำของขวัญมามอบให้กลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบที่ยกย่องซันตาคลอสให้ฝังอยู่ในจิตสำนึกของเด็ก ๆ สืบทอดมาจนถึงปัจจุบันและนี่ก็คือ ตำนานความเป็นมาของ กำเนิดซานตาคลอส ” บิดาแห่งวันคริสต์มาส “นั่นเอง
เมื่อชาวดัตช์บางกลุ่มอพยพมาอยู่ในอเมริกาก็นำเอาความเชื่อถือศรัทธาในนักบุญนิโคลัสติดมาด้วย ยังมีการเฉลิมฉลองวันเซนต์นิโคลัสกันทุก ๆ ปี ในเดือนธันวาคม และในที่สุดก็ได้มีการดัดแปลงผสมผสานเข้ากับความเชื่อถือของชาวอเมริกันเชื้อสายอื่น ๆ ทางแถบตะวันออกของอเมริกาตำนานเซนต์โคลัสก็เลยมาผูกโยงกับการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส “ซินเตอร์คลาส” ของชาวดัตช์ซึ่งต่อมาได้กร่อนกลายเป็น “ซานตาคลอส” ก็มีบทบาทและหน้าที่สำคัญ คือ แจกของขวัญแก่เด็ก ๆ ในตอนเช้าตรู่ของทุกวันคริสต์มาสดังที่รู้ ๆ กันอยู่
        ทั้งนี้ ภาพซานตาคลอส ภาพแรกที่ปรากฏเป็นชายแก่ใจดี เคราขาวพุงพลุ้ย ใส่เฟอร์โค้ทตัวหนาสีแดงขลิบขาว หอบข้าวของพุรุงพะรังเช่นที่เราคุ้นเคยกันนั้น เป็นฝีมือการวาดจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ผสมผสานกับจินตนาการส่วนตัวของนักเขียนการ์ตูนชื่อดังชาวอเมริกัน ที่ชื่อว่า “โธมัส แนสท์” ภาพแรกของซานตาคลอสนี้ปรากฏเป็นครั้งแรกในนิตยสาร harper’s illustrated weekly ปี พ.ศ.1863
ต่อมาเรื่องราวของซานตาคลอสก็แพร่กระจายไปสู่คริสต์ศาสนิกชนประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จนกระทั่งหลาย ๆ ประเทศสามารถสร้างตำนานที่มีรายละเอียดแบบเอ็กซ์ลูซีฟเกี่ยวกับซันตาคลอสเป็นของตนเอง เช่น ซานตาคลอสประเทศฟินแลนด์ที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุด ซานตาคลอสมีบ้านและออฟฟิศอยู่ที่เมืองโรวานีมี เป็นเมืองท่องเที่ยวเป็นที่รู้จักกันดี อยู่ในเขตแลปแลนด์ แคว้นหนึ่งของประเทศฟินแลนด์
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าซานตาคลอสจะอยู่ที่ไหน จะเป็นของชาติใด แก่นแท้ หรือสปิริตของความเป็นซานตาคอลสก็คือ ความรัก ความเมตตา กรุณา และความสดใสร่าเริง ซึ่งเป็นของสากลสำหรับมนุษย์ทุกชาติทุกภาษาและทั่วทุกหนทุกแห่ง

วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เด็กไม่เอาถ่าน คำนี้มีที่มาจากอะไร?

เด็กไม่เอาถ่าน คำนี้มีที่มาจากอะไร?



เด็กที่วันๆ เอาแต่เล่นเกมส์ออนไลน์ ไม่อ่านหนังสือเรียน การบ้านไม่ทำ งานบ้านก็ไม่เคยคิดจะหยิบจับช่วยเหลือพ่อแม่ ทานอาหารแล้วไม่รู้จักล้างจานชาม เหล่านี้ล้วนเป็นตัวอย่างพฤติกรรมของ "เด็กไม่เอาถ่าน"

ทำไมจึงเรียก "เด็กไม่เอาถ่าน" คาดกันว่าคำนี้มีที่มาจากคำเดิม คือ "เหล็กไม่เอาถ่าน" เพราะในสมัยก่อนนั้น การหลอมเหล็กหรือตีอาวุธจากเหล็กให้แข็งแกร่งนั้น จำเป็นต้องใช้ถ่านในการก่อเปลวไฟจนลุกโชน เพื่อให้ความร้อนแก่เหล็ก แล้วถ่านหรือคาร์บอนจะแทรกตัวเข้าไปอยู่ในเนื้อเหล็กหลังจากการถลุง ถ้าเหล็กไม่มีถ่านผสมอยู่เลย เหล็กนั้นจะมีคุณภาพต่ำ ไม่แข็งและเหนียวพอที่จะเรียกว่า เหล็กกล้า แต่หากมีมากเกินไปจะทำให้เหล็กเปราะ เหล็กที่ดีควรมีคาร์บอนเข้าไปผสมอยู่ประมาณ 0.1 - 1.8%

ช่างตีอาวุธจากเหล็กในสมัยโบราณ จำเป็นต้องคิดค้นหากลวิธี เพื่อขจัดปัญหาดาบหัก เพราะแสดงถึงกรรมวิธีการผลิตที่ไม่ดีทำให้เหล็กไม่เอาถ่าน จนกลายเป็นคำพูดติดปาก เปรียบเทียบนิสัยคนกับอาวุธว่า "เหล็กไม่เอาถ่าน"

วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ปิดเทอม เวลาว่าง

ปิดเทอม เวลาว่างๆ ก็นอน (นอน นอน นอน นอน เเล้วก็นอน นอน นอน) (ฝัน ฝัน ฝัน) ฝันว่าได้ไปเที่ยว   เเต่ที่จริงก็อยากไปเที่ยวนั่นเเหละ ก็เลยเอารูปวิวสวยๆ มาฝากเพื่อนๆทุกคน



.................................................

..............................................

สวยไหมคะ นี่เป็นวิวสวยๆที่ฉันอยากจะไปยืนอยู่ที่ตรงนั้นมากๆเลยค่ะ

ยังมีอีกนะคะ


................................................

วิวนี้น่านั่งถ่ายรูปมากๆ เลยใช่ไหมล่ะคะ

 

ที่จริงยังมีอีกเยอะเลยนะคะ แต่วันนี้มีเวลาเเค่นี้ค่ะก็เลยต้องพอเเค่นี้

           แล้วเจอกันไหม่นะคะ

.............................................................................................


วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ปิดเทอม



ปิดเทอม

     ปิดเทอมทำไรบ้าง ?

        - อ่านหนังสือ

        - ทำงานช่วยคุณอา

        - ดูหนัง ฟังเพลง

        - กินๆ นอนๆ ไปเรื่อยๆ

     

วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

โรงเรียนในฝัน



โรงเรียนขอนเเก่นพัฒนศึกษา



         ดิฉันนางสาววราพร พระนคร นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1
ดิฉันดีใจเเละมีความสุขมากในตอนนี้ เพราะโรงเรียนของฉัน ได้เป็นโรงเรียนต้นเเบบโรงเรียนในฝันค่ะ
ดิฉันสัญญาว่าดิฉันจะรักษาคุณงามความดีนี้ไว้ตลอดไปค่ะ

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555

งานเกษตร

งานเกษตร


คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานภาครัฐ เอกชน จัดงานวันเกษตรภาคอีสาน ประจำปี 2554ระหว่างวันที่ 21 - 30 มกราคม 2554 ที่อุทยานเทคโนโลยีการเกษตรมหาวิทยาลัยขอนแก่น ภายใต้คำขวัญ "เฉลิมพระเกียรติองค์ราชันพระมิ่งขวัญเกษตรไทย"
วันเสาร์ที่ 29 มกราคม 2554  ยังมีการประกวดชุดอาหารเพื่อสุขภาพ"อาหารไทยย้อนยุคครบสำรับ" ในงานวันเกษตรภาคอีสาน ประจำปี 2554 ณอาคารจตุรมุข อุทยานเทคโนโลยี การเกษตร     คณะเกษตรศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยเป็นการสาธิตและแข่งขันการปรุงอาหารเพื่อสุขภาพของนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา จากจังหวัดต่างๆในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 10 สถาบัน เพื่อส่งเสริมกิจกรรมของเยาวชนเป็นการส่งเสริมการบริโภคอาหารที่ถูกสุขลักษณะและมีความปลอดภัยทำให้ประชาชนและผู้สนใจได้รับความรู้เกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการและวิธีการ ปรุงอาหารที่ถูกสุขลักษณะ

   สำหรับพิธีเปิดงานวันเกษตรภาคอีสาน ประจำปี 2554 กำหนดขึ้นในวันที่ 21มกราคม 2554 เวลา15.00 น. ที่อาคารจตุรมุข อุทยานเทคโนโลยี การเกษตรคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นโดยได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาเป็นประธาน พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น



เมื่อวันที่  21  มกราคม  2554  คณะเกษตรศาสตร์  มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ได้จัดพิธีเปิดงาน "วันเกษตรภาคอีสาน  ประจำปี  2554"  ขึ้น  ณ อุทยานเทคโนโลยีการเกษตร  คณะเกษตรศาสตร์  มหาวิทยาลัยขอนแก่น   โดยได้รับเกียรติจากนายธีระ  วงศ์สมุทร  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  เป็นประธานในพิธีเปิด
   นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก นายธนวัฒน์  พลอยโสภณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น  รศ. ดร. กิตติชัย  ไตรรัตนศิริชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและการถ่ายทอดเทคโนโลยี  มหาวิทยาลัยขอนแก่น  รศ.ดร.อนันต์  พลธานี  คณบดีคณะเกษตรศาสตร์  มหาวิทยาลัยขอนแก่น หัวหน้าส่วนราชการ  ข้าราชการ  นักศึกษา และหน่วยงานเอกชนมากมายเข้าร่วมในพิธีเปิดดังกล่าว

   งานวันเกษตรภาคอีสาน  ประจำปี  2554 จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่  21 - 30 มกราคม  2554  ณ บริเวณอุทยานเทคโนโลยีการเกษตร  คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น   ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมที่จัดต่อเนื่องกันมากว่า 20 ปีแล้ว  โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การจัดสัมมนาและการเสวนาทางวิชาการเกษตร  การจัดนิทรรศการกลางแจ้ง การแสดงผลงานของนักศึกษา การจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเกษตรกร โดยจัดในรูปของงานสินค้าชุมชน  การแสดงบนเวที การประกวดและแข่งขันที่เกี่ยวกับการเกษตรและภูมิปัญญาชาวบ้าน ตลอดจนการฝึกอบรมอาชีพการเกษตรด้วย
    รศ.ดร. อนันต์  พลธานี คณบดีคณะเกษตรศาสตร์  มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้กล่าวถึงการจัดงานวันเกษตรภาคอีสานว่า การจัดงานวันเกษตรภาคอีสานพัฒนามาจากการจัดงานวันขายผลิตผลผลการเกษตรของนก ศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ โดยแต่เดิมนั้นจัดขึ้นบริเวณคณะเกษตรศาสตร์ ต่อมาได้พัฒนารูปแบบของงานโดยให้มีกิจกรรมทั้งกลางวันและกลางคืน และได้ย้ายสถานที่จัดงานลงไปที่อุทยานเทคโนโลยีการเกษตรซึ่งมีพื้นที่กว่า 60  ไร่ เพื่อให้เกิดความยิ่งใหญ่และผนวกเข้ากับงานฉลองวันสถาปนามหาวิทยาลัย ขอนแก่น  ซึ่งตรงกับวันที่  25  มกราคม  ของทุกปี โดยในแต่ละปีจะมีผู้เข้าชมงานมากกว่า  400,000  คน นับได้ว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของภาคอีสาน
   ด้านนายธนวัฒน์  พลอยโสภณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นได้กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่าการจัดงาน วันเกษตรภาคอีสานเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาการเกษตรในระดับภูมิภาค โดยเกษตรกรสามารถที่จะนำคามรู้และวิทยาการสมัยใหม่จากการแสดงนิทรรศการและ การฝึกอาชีพทางการเกษตรภายในงาน ไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละสภาพท้องถิ่นของตัวเองได้   

ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ

ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ

ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ

รายละเอียด :
          เพื่อ ให้การจัดวิ่งขอนแก่นมาราธอนนานาชาติเป็นประเพณีของจังหวัดขอนแก่น ก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีของชาวมหาวิทยาลัยขอนแก่นและชาวเมืองขอนแก่น เป็นการร่วมมือทั้งภาครัฐและภาคเอกชน มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนขอนแก่น ให้ขอนแก่นมาราธอนเป็นการจัดวิ่งที่ได้รับรองมาตรฐานในระดับนานาชาติ ทั้งเป็นการสนับสนุนส่งเสริมการออกกำลังกายของประชาชนสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นรากฐานที่ดีในการพัฒนาประเทศ และเพื่อเป็นการรณรงค์ป้องกันการเสพสารเสพติดของประชาชน มหาวิทยาลัยขอนแก่นและจังหวัดขอนแก่นจึงจัดให้มีการแข่งขันขอนแก่นมาราธอน นานาชาติขึ้นเป็นประจำทุกปี
1. เพื่อสร้างนักวิ่งเยาวชนไทยให้มีมาตรฐานในระดับนานาชาติ
2. การแข่งขันครั้งนี้ สหพันธ์กรีฑานานาชาติ (IAAF) โดยสมาคมกรีฑาแห่งประเทศไทยใน พระบรมราชูปถัมภ์ให้การรับรอง ก้าวไปสู่ 1 ในทำเนียบของการเป็นสมาชิกของ Association of International Marathon and Road Race (AIMS)
3. สร้างเป็นกิจกรรมกีฬามวลชน เพื่อเป็นเกียรติภูมิชาวขอนแก่นและประเทศไทย
4. สร้างสรรค์และสร้างประโยชน์กับการมีส่วนร่วมระหว่างกิจกรรมกับประชาชนใน พื้นที่แบบ ยั่งยืน โดยเฉพาะการรณรงค์ให้ประชาชนหันมาสนใจต่อการออกกำลังกายด้วยการวิ่ง อันจะเป็น การสร้างคุณภาพชีวิต และสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติด
5. เพื่อ ส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนในจังหวัดขอนแก่นได้ออกกำลังกายเป็นการต่อ เนื่อง ซึ่งจะนำมาสู่สุขภาพที่แข็งแรง และเป็นการป้องกันสารเสพติดในเยาวชนจังหวัดขอนแก่น
6. เป็นการส่งเสริมการกีฬากับการท่องเที่ยว นำรายได้สู่ชุมชน

เวลาเริ่มแข่งขัน
ประเภทมาราธอน (42.195 กม.) 04.15 นาฬิกา
ประเภทฮาล์ฟมาราธอน (21.100 กม.) 05.25 นาฬิกา
ประเภทมินิมาราธอน (11.550 กม.) 06.00 นาฬิกา
ประเภทเดิน-วิ่ง เพื่อสุขภาพ (4.5 กม.) 08.00 นาฬิกา

ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ-2   ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ-3   ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ-4   ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ-5     

วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555

เศร้า

เเฟนประสาอะไร

........................................

น้ำตาจะไหล

........................................

ใจไม่เเข็งเหมือนปาก

...................................

รักฉันประชดใคร

...............................................



วันเด็ก

..............................

.......................

........................

............................................................................................................................

วันเด็กแห่งชาติ


วันเด็กแห่งชาติ




            มื่อปีพุทธศักราช 2498 ได้เกิดปฏิญญาว่าด้วยสิทธิเด็กขึ้น โดยองค์การสหประชาชาติทำให้ทั่วโลกเกิดความตื่นตัว และเห็นพ้องต้องกันว่า ควรจะให้ความสำคัญแก่เด็ก ๆ ของตนมากขึ้น การขานรับในการนี้จากประเทศต่าง ๆ เป็นไปอย่างกว้างขวาง ในปีเดียวกันนั้นเอง ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกไม่น้อยกว่า 40 ประเทศต่างก็จัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติของประเทศตนขึ้น โดยกำหนดวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี เป็นวันเด็กแห่งชาติ

            การจัดงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติในแต่ละประเทศขณะนั้น มีรูปแบบที่คล้ายคลึงกันเป็นส่วนใหญ่ โดยยึดหลักการให้ความสำคัญแก่เด็กเป็นวัตถุประสงค์หลัก โดยเปิดสถานที่ราชการที่สำคัญเช่น พิพิธภัณฑ์ รัฐสภา เป็นต้น ให้เด็ก ๆได้เข้าชมและศึกษา บางแห่งจัดการแสดงมหรสพ มีการแจกอาหาร แข่งขันเกม แจกของขวัญ ฯลฯ ต่อมางานนี้ได้รับความสำคัญทั่วโลกจึงได้จัดกันแพร่หลายมาถึงปัจจุบัน


คำขวัญวันเด็ก พ.ศ.๒๕๐๒ - ๒๕๕๑
 
นปี พ.ศ. ๒๕๐๒ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เห็นคุณค่าความสำคัญ ของเด็ก จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคิด สำหรับเด็ก นายกรัฐมนตรี ในสมัยต่อๆมา จึงได้ถือปฏิบัติสืบต่อมาดังต่อไปนี้
                
    พ.ศ. ๒๕๐๒  ขอให้เด็กสมัย ปฎิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า (จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์)
    พ.ศ. ๒๕๐๓  ขอให้เด็กสมัย ปฎิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด (จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์)
    พ.ศ. ๒๕๐๔  ขอให้เด็กสมัย ปฎิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย (จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์)
    พ.ศ. ๒๕๐๕  ขอให้เด็กสมัย ปฎิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด (จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์)
    พ.ศ. ๒๕๐๖  ขอให้เด็กสมัย ปฎิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียร (จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์)
    พ.ศ. ๒๕๐๗  --- งดจัดงานวันเด็ก ---
    พ.ศ. ๒๕๐๘  เด็กจะเจริญต้องรักเรียนและเพียรทำดี (จอมพลถนอม กิตติขจร)
    พ.ศ. ๒๕๐๙  เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะบากบั่น และสมานสามัคคี ี (จอมพลถนอม กิตติขจร)
    พ.ศ. ๒๕๑๐  อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรง เรียนดี และ มีความประพฤติเรียบร้อย (จอมพลถนอม กิตติขจร)
    พ.ศ. ๒๕๑๑ ความเจริญและความมั่นคงของไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาด และรักชาติยิ่ง (จอมพลถนอม กิตติขจร)
    พ.ศ. ๒๕๑๒  รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ (จอมพลถนอม กิตติขจร)
    พ.ศ. ๒๕๑๓  เด็กประพฤติดีและศึกษาดีทำให้มีอนาคตแจ่มใส (จอมพลถนอม กิตติขจร)
    พ.ศ. ๒๕๑๔  ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ (จอมพลถนอม กิตติขจร)
    พ.ศ. ๒๕๑๕  เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ (จอมพลถนอม กิตติขจร)
    พ.ศ. ๒๕๑๖  เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ (จอมพลถนอม กิตติขจร)
    พ.ศ. ๒๕๑๗  สามัคคี คือ พลัง(นายสัญญา ธรรมศักดิ์)
    พ.ศ. ๒๕๑๘  เด็กคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความดี (นายสัญญา ธรรมศักดิ์)
    พ.ศ. ๒๕๑๙  เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี (ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช)
    พ.ศ. ๒๕๒๐  รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็น คุณสมบัติของเยาวชนไทย (นายธานินทร์ กรัยวิเชียร
    พ.ศ. ๒๕๒๑  เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติมั่นคง (พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์)
    พ.ศ. ๒๕๒๒  เด็กไทยคือหัวใจของชาติ ิ (พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์)
    พ.ศ. ๒๕๒๓  อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย (พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์)
    พ.ศ. ๒๕๒๔  เด็กไทยมีวินัย ใจซื่อสัตย์ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์)
    พ.ศ. ๒๕๒๕  ขยัน ศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์)
    พ.ศ. ๒๕๒๖  รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัย และคุณธรรม (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์)
    พ.ศ. ๒๕๒๗  รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดี มีความคิด สุจริต ใจมั่น หมั่นศึกษา (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์)
    พ.ศ.๒๕๒๘  สามัคคี มีวินัย ใฝ่คุณธรรม (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์)
    พ.ศ. ๒๕๒๙  นิยมไทย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์)
    พ.ศ. ๒๕๓๐  นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์)
    พ.ศ. ๒๕๓๑  นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม (พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ)
    พ.ศ. ๒๕๓๒  รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม (พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ)
    พ.ศ. ๒๕๓๓  รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม (พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ)
    พ.ศ. ๒๕๓๔  รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา (นายอานันท์ ปันยารชุน)
    พ.ศ. ๒๕๓๕  สามัคคี มี วินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม (นายอานันท์ ปันยารชุน)
    พ.ศ. ๒๕๓๖  ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม (นายชวน หลีกภัย)
    พ.ศ. ๒๕๓๗  ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม (นายชวน หลีกภัย)
    พ.ศ. ๒๕๓๘  สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม (นายชวน หลีกภัย)
    พ.ศ. ๒๕๓๙  มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด (นายบรรหาร ศิลปอาชา)
    พ.ศ. ๒๕๔๐  รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด (พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ)
    พ.ศ.๒๕๔๑  ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย (นายชวน หลีกภัย)
    พ.ศ.๒๕๔๒ ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย (นายชวน หลีกภัย)
    พ.ศ. ๒๕๔๓  มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย (นายชวน หลีกภัย)
    พ.ศ. ๒๕๔๔  มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย (นายชวน หลีกภัย)
    พ.ศ. ๒๕๔๕  เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคต ที่สดใส (พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร)
    พ.ศ. ๒๕๔๖  เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี (พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร)
    พ.ศ. ๒๕๔๗ 
    พ.ศ. ๒๕๔๘ 
    พ.ศ. ๒๕๔ อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด (พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร)
    พ.ศ. ๒๕๕๐ มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข (พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์)
    พ.ศ. ๒๕๕๑ สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม (พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์)
    ...............................................................................................................................................
    เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด  (พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร)
    รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดีดี อนาคตดีแน่นอน (พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร)

HAPPY NEW YEAR 2012

HAPPY NEW YEAR 2012


...............................................................................................................


............................................................................................................................



..........................................................................................................................



สวัสดีปีใหม่

...........................................................................................................................................

...ปีใหม่ แสนสุข...


         ...เข้าสู่ปีใหม่นี้                                มีสิ่งดีเข้ามาใหม่
  สิ่งร้ายละทิ่งไป                                      เริ่มต้นใหม่เเสนสุขี
           หมดสิ้นแห่งความทุกข์                 มีความสุขกันทุกปี
  เป็นปีเเห่งความดี                                 แสนสุขศรีกันทั่งหน้า...
สวัสดีปีใหม่

สวัสดีปีใหม่ ส่งใจอวยพร
เขียนเป็นคำกลอน   ให้พรสุขี
ขอให้ทุกท่าน  พ้นผ่านไพรี
อยู่ดีกินดี  โชคดีตลอด
มั่งมีเงินทอง ข้าวของสินสอด
รายได้ตลอด ให้ปลอดโรคภัย
เรื่องเจ็บอย่าป่วย ความซวยห่างไกล
ทุกข์เข็ญจัญไร จงไกลห่างตัว
จงสุขสำราญ  เบิกบานกันทั่ว
ความเลวความชั่ว  ห่างตัวห่างใจ
จงมีแต่สุข   เรื่องทุกข์อย่าใกล้
โชคดีปลอดภัย  คนไทยทุกคน
 
สวัสดีปีใหม่

สวัสดีวันนี้วันปีใหม่
ขอจงให้จงได้สิ่งที่หวัง
คิดอะไรขอให้สมใจกัน
มีเงินพันให้ได้นับไม่ขาดเอย
..................................................................................................................................................................................